• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บไซด์ให้ติดอันดับ SEO ด้วย PBN.
 

poker online

ปูนปั้น

8 สิ่งที่ได้รู้ จากการเป็นผู้รับจ้างมาครึ่งชีวิต

Started by Fern751, April 04, 2023, 12:38:07 PM

Previous topic - Next topic

Fern751

1. ด้วยเหตุว่าพวกเราไม่ได้เกิดขึ้นมาเพื่อทำงานอย่ างเดียว

เรามิได้ดำเนินการแล้วแฮปปี้ทุกวี่วัน บ่อยที่เรากลับไปบ้ า นแล้วอย ากจะลาออกมันซะเดี๋ยวนั้น แต่ว่าถ้าเกิดพวกเรามีเป้าหมายอื่นๆในชีวิต เช่น วิ่งมาราธอน, ปลูกต้นไม้ หรือแม้กระทั่งต่อ ป.โท

การเปลี่ยนโหมดมาทำเรื่องที่พวกเราชอบจะก่อให้ร่าเริงแจ่มใสขึ้น และก็ เพิ่มความแน่ใจ เนื่องจากว่าการเฟลจากที่ทำงานส่วนใหญ่มักทำให้เราเสียกำลังใจ และขาดความเชื่อมั่นในตัวเอง ส่วนตัวเรามันมีผลถึงการเข้าสังคม การตัดสินใจในเรื่องงาน และ อีกเยอะมาก


ยกตัวอย่ าง... มีสหายคนนึงชอบตัดเย็บเสื้อผ้ามากมาย เป็นจริงเป็นจังขนาดลงคอร์สเรียนเส า ร ์อาทิตย์ ในตอนนี้ดำเนินการประจำไปด้วย ตัดเสื้อผ้าขายไปด้วย จนกระทั่งบัดนี้เปิดร้านขายออนไลน์สร้างเป็นอาชีพเสิรมที่มีรายได้มากยิ่งกว่างานประจำไปละ

2. หัวหน้าก็คนนะ.. ทราบยัง

สำหรับมนุษย์เงินเดือนตัวจ้อยอย่ างพวกเรา สิ่งที่พวกเราเคารพนับถือที่สุดในสถานที่สำหรับทำงานก็คงจะหนีไม่พ้นเจ้านาย ผู้ที่เป็นหัวหน้างานเองก็มีนิสัยนานับประการ อย่ างตัวเราเคยพบทั้งที่แบบขึ้นชื่อว่าโ ห ด สุดๆทำงานมาก ไปจนกระทั่งวันๆไม่ทำการทำงาน คอยสั่งคนโน่นหนคนนี้ครั้ง แม้กระนั้นพอใช้ได้มองดีๆเราก็พบว่า เฮ้ย หัวหน้าก็คนนี่หว่า

แต่คนๆนี้มันจะมาบ่นว่าขี้คร้านตื่น หรือโดนนายสั่งงานเยอะไม่ได้ไง ทำไมน่ะหรอ นอกเหนือจากการที่จะโดนหัวหน้าของเค้าเองหมั่นไส้แล้ว ลูกน้องก็ยังจะไม่ให้ความยำเกรงด้วย หนำซ้ำอาจจะพาลกันเสียระบบการปกครองทั้งทีม


ถ้าเกิดให้ชี้แนะก็อย ากจะกล่าวว่าพย าย ามเข้าใจเค้าดียิ่งกว่าว่าเค้าก็เป็นมนุษย์อย่ างพวกเราๆนี่แหละ เป็นคนดีบ้ า งคนไม่ดีบ้ า ง นิสัยก็แตกต่างกันบ้ า งคือเรื่องธรรดา อย่ าเห็นว่าเรากับเค้าอยู่คนละขั้วกัน อย ากให้ดูในมุมที่ว่าหากพวกเราไม่ทำงานให้เค้า เค้าจะเอางานที่ไหนไปส่งละ จริงๆหัวหน้าเลิกงานก็อย ากกลับบ้ า นไปพบครอบครัว

มิได้อย ากอยู่มืดค่ำๆให้คนที่บ้ า นเป็นห่วงหรอก เวลาว่างก็มิได้อย ากทำงาน ก็อย ากไปเที่ยวแบบเดียวกันนั่นแหละ แม้กระนั้นแค่ออกหน้าพูดมากแบบพวกเราไม่ได้ ตำแหน่งมันค้ำคอ ลองนึกถึง

เพียงแค่พวกเรานำเสนองานกับหัวหน้าก็เกร็งจะแ ย่ นี่เค้าจำเป็นต้องเอางานเราไปเสนอกับหัวหน้าฝ่าย หรือ CEO ลูกน้องคนใดกันที่ช่วยแบ่งเบาภาระเค้าได้มากมาย เค้าก็จะรักคนนั้นเป็นธรรมดา

3. อย่ าเชื่อมั่นในตัวเองเกินไปในโลกออนไลน์

คนไม่ใช่น้อยเชื่อว่าโลกโซเชียลเป็นพื้นที่ส่วนตัว จะโ พ ส ต์ อะไรมันก็สิทธิ์ของพวกเรา แต่ทราบรึเปล่าว่า HR ยุคนี้นอกเหนือจากที่จะมอง resume พวกเราแล้ว ยังมองเ ฟ ส บุ ค ของเราด้วย เพื่อนพ้องเราที่เป็น HR ยืนยันมาว่า Social media บอกความเป็นตัวตนที่แท้จริงของพวกเราได้มากกว่า Resume เป็นสิบเท่า เห็นไหมว่าตัวตนบนโลกออนไลน์

ของเรานั้นมีผลกับพวกเราตั้งแต่ก่อนเข้างานซะอีก เมื่อเราเป็นมนุษย์เงินเดือนเต็มกำลัง เรื่องพวกนี้ยิ่งต้องระวัง อย่ างเราคือไม่แตะเฟสบุ้คเลย หรือหากจะโ พ ส ต์ /แ ช ร์อะไร ก็คิดแล้วว่าหากหัวหน้ามาเห็นก็ช่างเถอะ


ถ้าอย ากมีพื้นที่ส่วนตัวจริงๆเสนอแนะให้แยกเฟสที่ทำงาน กับ เฟสส่วนตัวเลย แล้วปิดสาธารที่พด้วย เพราะ ส่วนมากคนภายในสถานที่ทำงานเค้าก็ขอแอดกันอยู่แล้ว ยิ่งเรื่องดราม่าในที่ทำงาน คนนั้นคนนี้ เบื่องาน หัวหน้าโง่เขลา ห้ามโ พ ส ต์ เด็ดขาด โ พ ส ต์ ปุ้บมีคนแคปปั้บแน่ๆ...!! เตือนแล้วนะ

4. จุดโฟกัสที่ลู่วิ่งของเรา พึงพอใจ ตั้งใจ แต่ว่า... อย่ าเก็บลู่วิ่งผู้อื่นมาอิจฉา

ช่วงปีที่ล่วงเลยมานี้ เพื่อนเราคนจำนวนไม่น้อยเริ่มเรียนต่อ สร้างครอบครัว บางบุคคลเปลี่ยนงานไปงานที่ค่าจ้างรายเดือนสูงสุดๆบางคนเริ่มธุรกิจของตนเอง ครั้งคราวเราเลื่อนดูหน้าเฟสรวมทั้งแอบคิดนะว่า เฮ้ย...!! คนนั้นคนนี้เจริญ แล้วตัวเราล่ะทำอะไรอยู่ แต่บอกเลยว่าชีวิตพวกเขาก็ไม่ได้ดีมากยิ่งกว่าเราหรอกเผลอๆเพื่อนผู้คนจำนวนไม่ใช้น้อยบางครั้งก็อาจจะกำลังอิจฉาชีวิตพวกเราอยู่ก็ได้

เคยมีคนเดินมาบอกพวกเราว่าแหม ชีวิตดีจังนะ... คือตัวเราเองก็มิได้คิดเลยว่าชีวิตพวกเราดี สิ่งที่เราคัดกรองโ พ ส ต์ ลงโซเชียลนั่นแหละที่ดี ต้องจำไว้ว่าอย่ าเอาจังหวะชีวิตของเราไปเปรียบเทียบกับบุคคลอื่น

โฟกัสที่ลู่วิ่งของพวกเรา ทราบว่าเรากำลังจะทำอะไร ทราบว่าที่หมายเราอยากได้อะไร รู้ดีว่าวันนี้เราทำดีกว่าเมื่อวานนี้แล้วหรือยัง ก็เพียงพอแล้ว แอบดูลู่วิ่งบุคคลอื่นบ้ า งเป็นบางครั้ง เพื่อเป็นแรงก ร ะ ตุ้ น ให้พวกเราจริงจังกับชีวิตเยอะขึ้น แต่ว่าอย่ าเก็บมาเอาใจใส่จนกลัดกลุ้มพอ

5. เล่นการเมืองกับทุกคน

เดี๋ยวก่อน...!! อย่ าเพิ่งตระหนกตกใจไป.. เล่นการเมืองกับทุกคนไม่ได้หมายความว่า ให้เราไม่ต้องจิรงจิตใจกับคนไหน แต่ว่า... แปลว่า " เราไม่สนใจฝ่ายใด " อย่ างที่รู้กันว่าในที่ทำงานหลายๆที่

มีการเล่นพวกเล่นพ้อง หรืออยู่ๆก็จะมีเสียงแว่วมาว่า คนนี้เด็กคนนั้น ซึ่งจากการเฝ้าสังเกตุมาเป็นระยะเวลา 3 ปี พบว่าผู้ที่เล่นการเมือง (มากมายๆ) โดยมากไม่มีความสุข ยิ่งพวกที่ตำแหน่งโตๆแม้กระนั้นเล่นเค้าไว้เยอะแยะนี่ห้ามเสียท่าเลยคะ มีคนรอคอยซ้ำเยอะเลย


" เล่นการเมืองกับทุกคน " ในความหมายนี่คือ... การที่พวกเราดูว่าคนนี้เป็นคนยังไง จะเข้ากับเขาได้อย่ างไร ไม่ได้กล่าวว่าให้สตอเบอร์รี่ หรือ ฝืนตัวเอง แต่ว่า... แต่ละคนเขาก็มีพื้นฐานนิสัย ความชอบ

โตมาในสังคมที่แตกต่างกัน การที่เราดูแล้วรู้ว่าจะ " อยู่ร่วมกับเขาแบบเป็นมิตร " ได้อย่ างไรจะก่อให้พวกเราดีกว่ามากมายๆนอกจากวางตัวง่ายแล้ว เราจะไม่มีศั ต รู เคสนี้รวมทั้งบางบุคคลที่ดูแล้วผิดจริตกัน

การวางตัวกับเขาก็คือเฉยๆทักทายสวัสดีตามมารย าท ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องไปคุยก็ไม่ต้องคุย... เราไม่เคยรู้หรอกว่าวันนึงโลกจะเหวี่ยงเราเข้าไปดำเนินการกับคนไหน ด้วยเหตุนั้น อย่ าสร้างศั ต รู เด็ดขาด ถึงไม่ได้ร่วมงานกันในบริษัทนี้ แต่ในอนาคต บางทีอาจได้วัวรจรมาร่วมงานกันในที่ใหม่ๆก็ได้

6. โดนด่าวันนี้ ดีมากกว่าโดนด่าตอนอายุ 50

ด้วยความที่อายุยังน้อย ความมุ่งหวังจากคนที่อยู่รอบข้างมันเลยน้อยตามไปด้วย ถึงแม้เราจะรู้สึกกดดันสำหรับในการดำเนินการสุดๆแต่ว่าเชื่อเถอะ เราล้มเหลววันนี้ ดียิ่งกว่าเราไปล้มตอนอายุ 50 พี่ๆที่เขาอยู่จนกระทั่ง 50-60 ก็ผ่านขณะแบบพวกเรามาแล้ว

สิ่งที่อย ากจะชี้แนะคือ.. ใช้เวลานี้ให้คุ้ม พวกเราไม่ได้อายุ 20 กว่าๆตลอดกาล อย ากทำอะไรทำ อย าคำกล่าวมอะไรโ ง่ๆก็ให้รีบถาม พรีเซ้นแล้วมันไม่ดีก็พรีเซ้นไปเรื่อยฝึกฝนไปเรื่อยโดนดุเวลานี้

เ จ็ บ น้อยกว่าโดนดุด่าตอนอายุ 50 มาก ถึงจะบกพร่อง ด้วยความยังเด็ก และก็ อ่อนประสบการณ์ คนโดยมากพร้อมจะยกโทษเราเสมอ ด้วยเหตุผลดังกล่าว ล้มเหลวจำนวนมากเพื่อเก็บเกี่ยวประสบการณ์

วามไม่เหมือนกันระหว่าง " เพื่อนฝูง " กับ " เพื่อนร่วมงาน " คืออะไร ที่เค้ากล่าวว่ายิ่งโต ยิ่งหาเพื่อนฝูงย ากก็คงจะจริง ยุคประถม การหาเพื่อนฝูงใหม่ไม่ย ากเท่าสมัยมัธยม และการหาเพื่อนในสมัยมัธยมก็ไม่อย ากเท่าตอนเข้ามหาวิทย าลัย มันแปลว่ายิ่งพวกเราโตขึ้นเยอะแค่ไหน พวกเราจะหาสหายย ากขึ้นเท่านั้น และไม่ต้องบอกเลยว่าการหาเพื่อนพ้องแท้จริงหัวใจคนนึงในสำนักงานมันย ากแค่ไหน


นอกเหนือจากการที่จะมีเรื่องผลตอบแทน ทั้งตำแหน่ง ค่าจ้างรายเดือน การคาดคะเน เข้ามาเกี่ยวด้วย หน้าที่หลักของมนุษย์ค่าจ้างรายเดือนอย่ างพวกเราคือไปปฏิบัติงาน ไม่ได้ไปทำกิจกรรมสานสมาคมหาเพื่อน ด้วยเหตุนี้วันๆพวกเราจึงจะพบแค่สหายร่วมกลุ่ม ซึ่งจำนวนมากและก็เป็นการคุยกันแค่เรื่องงานเท่านั้น

เราโชคดีที่พบกลุ่มที่ดี คุยได้ทั้งยังเรื่องส่วนบุคคลและก็เรื่องงาน พูดได้ว่าเป็นทั้งเพื่อน และก็เพื่อนร่วมงานในครั้งเดียวกัน การมีทีมที่อยู่ด้วยแล้ววางใจแบบงี้ เราคิดว่ามันคือกำไรชีวิต พย าย ามหาคนเหล่านี้ให้เจอในสังคมการทำงาน แล้วพวกเราจะอย ากไปทำงานมากขึ้น ( นิดหน่อยก็ยังดี ) ไม่มีความจำเป็นที่ต้องอยู่ทีมเดียวกันก็ได้ เพียงแค่ได้เผชิญ

เสวนาแลกเปลี่ยนความเซ็งก็ดีแล้ว ให้พวกเราทดลองถามตัวเองว่า "ถ้าหากเราลาออกจากที่นี่ เรายังจะอย ากนัดคนนี้รับประทานข้าวอยู่ไหม" หากคำตอบคือใช่ ยินดีด้วย คุณเจอเพื่อนพ้องจริงๆในสถานที่สำหรับทำงานแล้ว

7. หาผู้ที่เป็นมากกว่า " เพื่อนผู้ร่วมการทำงาน " ให้เจอ แล้วจะอย ากไปทำงานมากขึ้น

ความต่างระหว่าง " เพื่อนฝูง " กับ " เพื่อนผู้ร่วมการทำงาน " คืออะไร ที่เค้าบอกว่ายิ่งโต ยิ่งหาสหายย ากก็น่าจะจริง ยุคประถม การหาเพื่อนพ้องใหม่ไม่ย ากเท่าสมัยมัธยม รวมทั้งการหาเพื่อนฝูงในยุคมัธยมก็ไม่อย ากเท่าตอนเข้ามหาวิทย าลัย มันหมายความว่ายิ่งเราโตขึ้นเท่าไหร่ เราจะหาสหายย ากขึ้นเท่านั้น

และไม่จำต้องบอกเลยว่าการหาเพื่อนฝูงที่แท้หัวใจคนนึงในที่ทำงานมันย ากมากแค่ไหน นอกเหนือจากการที่จะมีเรื่องมีราวผลตอบแทน ทั้งยังตำแหน่ง ค่าจ้างรายเดือน การคาดคะเน เข้ามาเกี่ยวด้วย หน้าที่หลักของมนุษย์ค่าจ้างรายเดือนอย่ างเราคือไปดำเนินงาน มิได้ไปทำกิจกรรมสานชมรมหาเพื่อนพ้อง โดยเหตุนี้วันๆเราก็เลยจะพบเพียงแค่สหายร่วมกลุ่ม ซึ่งส่วนใหญ่และก็เป็นการคุยกันแค่เรื่องงานเท่านั้น

เราโชคดีที่เจอทีมที่ดี คุยได้อีกทั้งเรื่องส่วนตัวรวมทั้งเรื่องงาน พูดได้ว่าเป็นทั้งเพื่อน แล้วก็เพื่อนร่วมงานในคราวเดียวกัน การมีทีมที่อยู่ด้วยแล้วสนิทใจอย่างนี้ พวกเรามีความรู้สึกว่ามันคือกำไรชีวิต

พย าย ามหาคนกลุ่มนี้ให้เจอในสังคมการทำงาน แล้วเราจะอย ากไปทำงานมากขึ้น ( นิดหน่อยก็ยังดี ) ไม่มีความจำเป็นที่ต้องอยู่กลุ่มเดียวกันก็ได้ เพียงแค่ได้เผชิญ คุยแลกเปลี่ยนความเซ็งดีแล้ว ให้เราทดลองถามตนเองว่า "ถ้าพวกเราลาออกจากที่นี่ พวกเรายังจะอย ากนัดคนนี้ทานข้าวอยู่ไหม" ถ้าคำตอบเป็นใช่ ยินดีด้วย คุณพบเพื่อนฝูงจริงๆในสถานที่ทำงานแล้ว

8. จงเป็น " ลูกจ้างมืออาชีพ "

สรุปสั้นๆตามหัวข้อเลย ถ้าเกิดอย ากบรรลุผลสำเร็จ แล้วก็ เป็นสุข จงเป็น " ผู้รับจ้างมืออาชีพ " ให้ได้ พูดง่ายแต่ว่าทำย ากนะ เนื่องจากผู้รับจ้างมืออาชีพก็คือคนที่ตระหนักได้ว่า " พวกเราถูกจ้างมาด้วยค่าตอบแทนปริมาณหนึ่ง " ซึ่งก็ถือได้ว่าบริษัทเค้าอยากได้อะไรบางอย่ างจากพวกเราแลกกับค่าแรงนั้นๆ

พวกเราจำเป็นต้องรู้ว่าบริษัทว่าจ้างพวกเรามาทำอะไร และ ทำมันให้ดีกว่าที่บริษัทคาดหวังถ้าเกิดต้องการความเจริญในหน้าที่ หากงานที่ทำอยู่คิดว่าไม่ตรงกับ skill หรือ passion ของพวกเรา ก็ไม่ควรอดทนทำไป


น่าจะหางานที่พวกเราทำแล้วเราสุขสบายและทำเป็นดีเพื่อดึงประสิทธิภาพของตนออกมาให้เยอะที่สุด นอกจากจะทำให้เราเติบโตในองค์กรแล้ว ยังส่งผลให้พวกเราปรับปรุงตัวเองอยู่เสมอเวลาและไม่เบื่อด้วย

เมื่อถึงจุดๆหนึ่งเราจะทราบเองว่าควรไปทางไหนต่อ รีบหาสายงานที่ถูกใจให้ได้ตั้งแต่เนิ่นๆแล้วเราจะเป็น Expert ได้เร็วกว่าผู้อื่น อายุเท่านี้ไม่ต้องกลัวการลาออก จะลาออกจำนวนกี่ครั้งก็ได้ ถ้าหากสุดท้ายพวกเราเจอสายอาชีพที่พวกเรารักแล้วก็อย ากทำ จะเป็นอะไรที่คุ้มมากมาย

และก็ด้วยคอนเซ็ปท์เดียวกัน " พวกเราถูกว่าจ้างมาด้วยค่าตอบแทนปริมาณหนึ่ง " อย่ าทำงานหนักเกินกว่าค่าแรงงานจนถึงเกินความจำเป็น ทุ่มเทได้ แต่ว่าควรจะมีผลสรุปที่ดีตามออกมาด้วย ดังเช่นว่าได้ปรับเงินเดือน ได้ประเมินดี

หาเวลาอยู่กับบิดามารดา พี่น้องๆบ้ า ง หันกลับไปมองดูข้างหลังบ้ า งว่าคนที่เป็นบันไดให้พวกเรามายืนจุดนี้ ปัจจุบันนี้เค้าเป็นอย่างไรกันบ้ า งนะ...? อย่ าลืมว่าบิดามารดาอายุเพิ่มขึ้นทุกเมื่อเชื่อวัน ดูแลสุ ข ภ า พ ท่านด้วย ถ้าเดือนไหนมีเงินเหลือก็ตรวจสุ ข ภ า พ ให้แก่คุณแล้วหาเวลาไป มันไม่ตรากตรำหรอก แลกกับความสุขของบิดามารดา
ลูกน้อง
ขอบคุณบทความจาก https://freelydays.com/13457/